ภาพกิจกรรม
ทูบีฯ ร.ร.กทม. มีดี โรงเรียนวัดยายร่มต้อนรับคณะศึกษาดูงานจากบ้านพิชิตใจ สำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร
ทูบีฯ ร.ร.กทม. มีดี รับคณะศึกษาดูงานจากบ้านพิชิตใจ สำนักอนามัย
 
นายเกรียงไกร จงเจริญ ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา กทม. มอบหมายให้ กองเสริมสร้างสมรรถนะนักเรียน และหน่วยศึกษานิเทศก์ โดยนางสาวรุ่งนภา วิจิตรานนท์ หัวหน้าฝ่ายบริหารงานทั่วไป และนายนรินทร์ บุตรพรหม ศึกษานิเทศก์ประจำโรงเรียน ร่วมต้อนรับคณะศึกษาดูงาน นำโดย นายแพทย์สมชาย ตรีทิพย์สถิต ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและบำบัดการติดยาเสพติด สำนักอนามัย ซึ่งขอความอนุเคราะห์เข้าศึกษาดูงานชมรม TO BE NUMBER ONE โรงเรียนวัดยายร่ม (วัฒนราษฎร์รังสรรค์) สำนักงานเขตจอมทอง เพื่อเป็นต้นแบบและแนวคิดในการจัดตั้งชมรม TO BE NUMBER ONE สถานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด (บ้านพิชิตใจ) วันอังคารที่ 8 ธันวาคม 2563 เวลา 09.00 - 12.00 น. 
 
ในการนี้ นางสาวศุภร คุ้มวงศ์ ผู้อำนวยการเขตจอมทอง ให้เกียรติเป็นประธานต้อนรับคณะศึกษาดูงานชมรม TO BE NUMBER ONE โรงเรียนวัดยายร่ม (วัฒนราษฎร์รังสรรค์) สำนักงานเขตจอมทอง ที่มีผลการดำเนินงานเป็นที่ยอมรับ ได้รับรางวัลชมรม TO BE NUMBER ONE ในสถานศึกษา ต้นแบบระดับทอง ระดับประเทศ พร้อมด้วย นายมนตรี ตันสงวน หัวหน้าฝ่ายการศึกษา และนางสาวสวัล เชื้อพรหม ผู้อำนวยการสถานศึกษา นอกจากนี้ ยังได้มีเครือข่ายชมรม TO BE NUMBER ONE ในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ได้แก่ ชมรม TO BE NUMBER ONE โรงเรียนวัดลาดพร้าว สำนักงานเขตลาดพร้าว และชมรม TO BE NUMBER ONE โรงเรียนมัธยมปุรณาวาส สำนักงานเขตทวีวัฒนา ร่วมต้อนรับคณะศึกษาดูงานและร่วมสังเกตการณ์ในครั้งนี้ด้วย
 
ชมรม TO BE NUMBER ONE โรงเรียนวัดยายร่ม (วัฒนราษฎร์รังสรรค์) สำนักงานเขตจอมทอง สังกัดกรุงเทพมหานคร มีการจัดทำแผนปฏิบัติการประจำปี โดยนำแผนพัฒนาชมรม ระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว มาเป็นแนวทางปฏิบัติ พัฒนาปรับปรุงตามความสนใจ และสอดคล้องตามความต้องการของสมาชิก ดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาชมรม TO BE NUMBER ONE โรงเรียนวัดยายร่มฯ ระยะ 20 ปี ฉบับที่ 3 ซึ่งเป็น Road Map ของบันไดขั้นสู่ความสำเร็จ มีการดำเนินงานตามหลัก 3 ก. (กรรมการ/ กองทุน/ กิจกรรม) และ 3 ย. (ยุทธศาสตร์สร้างกระแสฯ/ สร้างภูมิคุ้มกันฯ/ สร้างเครือข่ายฯ) มีบัญชีธนาคารกองทุนชมรม TO BE NUMBER ONE เป็นการเฉพาะ มีระเบียบเบิกจ่ายชัดเจน มีการทำบัญชีรับจ่ายถูกต้อง มีการบริหารจัดการกองทุนที่ดี โดยได้จัดตั้งร้าน TO BE Café เพื่อจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์ชมรม ในการระดมทุนหมุนเวียน 
 
คณะกรรมการชมรมฯ ได้ประชุมหารือ เพื่อสำรวจความต้องการของสมาชิก และสามารถออกแบบการดำเนินงาน ได้ 69 กิจกรรม ตาม 3 ยุทธศาสตร์หลักของโครงการฯ 
- ยุทธศาสตร์ที่ 1 : เช่น Facebook Fanpage ชมรมฯ, TO BE รักคุณ รักธรรมชาติ รักสิ่งแวดล้อม, ทูบี DIY. ศิลปะสร้างสรรค์, TO BE พิชิต โควิด-19, TO BE “บวร” (บ้าน วัด โรงเรียน) “บรม” (บ้าน โรงเรียน มัสยิด) เป็นต้น 
- ยุทธศาสตร์ที่ 2 : เช่น ค่าย “ศรัทธาความดี TO BE NUMBER ONE”, จิตอาสา TO BE ทำดี ไม่มีอาย BE GOOG NO SHY เป็นต้น มีการดำเนินงาน “ศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE” ตามแนวทาง “ปรับทุกข์ สร้างสุข แก้ปัญหา พัฒนา EQ” มีตารางการให้บริการศูนย์ฯ มีผู้จัดการศูนย์ฯ อาสาสมัครศูนย์ฯ คอยรับฟังและร่วมแก้ปัญหาต่าง ๆ ให้แก่สมาชิก มีโครงการ “ใครติดยายกมือขึ้น” ซึ่งดำเนินงานร่วมกับ ศูนย์บริการสาธารณสุขที่ 29 เพื่อคัดกรองผู้ใช้ ผู้เสพ และผู้ติด ช่วยเหลือบำบัดและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ด้วยความสมัครใจ ให้กำลังใจและส่งต่อบำบัดรักษา 
- ยุทธศาสตร์ที่ 3 : ได้จัดกิจกรรมร่วมกับเครือข่ายเดิม เดินทางไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้สร้างเครือข่ายใหม่ เพื่อพัฒนาแกนนำและสมาชิก ถ่ายทอดความรู้ เทคนิค ประสบการณ์ เช่น กิจกรรมพัฒนาเครือข่าย “นวัตวิถี ทูบีจิตอาสา ป้องกันยาเสพติด พิชิต โควิด-19” ร่วมกับเครือข่ายโรงเรียน กทม., อาชีวศึกษา, สถานประกอบการ และชุมชน
 
ชมรมได้คิดค้น “นวัตกรรม” ที่เกิดจากการประชุมของคณะกรรมการฯ ถอดบทเรียนเชิงปฏิบัติการ 
ตามความต้องการของสมาชิก ระหว่างปี 2559 - 2562 เกิดขึ้น 12 นวัตกรรม ปี 2563 มี 6 นวัตกรรม รวมจำนวน 
18 นวัตกรรม ในวาระครบรอบ 18 ปี TO BE NUMBER ONE โดย 6 นวัตกรรม ในปี 2563 ได้แก่ 
- (1) นวัตกรรมเครือข่าย TO BE จิตอาสาป้องกันยาเสพติด 
- (2) นวัตกรรม TO BE ทำดี ไม่มีอาย “บวร” “บรม” 
- (3) นวัตกรรม TO BE DIY. ศิลปะจรรโลงใจ 
- (4) นวัตกรรม TO BE Healthy Life ใส่ใจสุขอนามัย ต้านภัย COVID-19 
- (5) นวัตกรรม TO BE รักคุณ รักธรรมชาติ รักสิ่งแวดล้อม 
- (6) นวัตกรรม TO BE 14 องค์ชาย 14 สหาย สาระการเรียนรู้ 
ซึ่งนวัตกรรม ทั้ง 6 ได้ใช้วิธีดำเนินงาน 7 ขั้นตอน ของ “พ่อหลวง (POLUANG) โมเดล” ได้แก่ 
- (1) P - Planning (การวางแผน) 
- (2) O - Operation (การดำเนินการ) 
- (3) L - Learning (การเรียนรู้) 
- (4) U - Unity (ความเป็นเอกภาพ) 
- (5) A - Assessment (การประเมินผล) 
- (6) N - Negotiation (การประชุม) 
- (7) G - Gathered (การรวบรวมผล) 
ทั้ง 6 นวัตกรรม ได้ตอบสนองการดำเนินงาน ครบทั้ง 3 ยุทธศาสตร์หลักของโครงการ (สร้างกระแสฯ/ สร้างภูมิคุ้มกันฯ/ สร้างเครือข่ายฯ) 
 
ผลที่ได้รับ สมาชิกและเครือข่าย มีจิตอาสา เกิดความภาคภูมิใจในตนเอง มีทักษะฝีมือ ทำถุงผ้า หน้ากากผ้า เพ้นท์สีเสื้อทูบี ทำเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ เพื่อใช้ในการป้องกันโควิด-19 เกิดค่านิยมการใช้ถุงผ้า แทนการใช้ถุงพลาสติก เพื่อลดภาวะโลกร้อน บูรณาการสาระการเรีนรู้ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน พัฒนาเป็นหลักสูตร TO BE NUMBER ONE ในโรงเรียน มีการวัดและประเมินผลการใช้นวัตกรรม 5 ด้าน (จิตใจ/ ความคิด/ ลงมือทำ/ นำไปใช้/ เผยแพร่สู่เครือข่าย) สมาชิกมีความพึงพอใจในแต่ละด้าน มากกว่าร้อยละ 85 สมาชิกและเครือข่ายที่ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้นวัตกรรม มีความพึงพอใจ ร้อยละ 100 จากการดำเนินงานโครงการ TO BE NUMBER ONE ทำให้เยาวชน มีความรู้ ความเข้าใจ ในการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด สร้างกระแสให้เยาวชน กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก ในทางที่ถูกต้อง เหมาะสม ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ เป็นคนเก่งและดี มีภูมิคุ้มกันทางจิตใจ ห่างไกลยาเสพติด นักเรียนกลุ่มเสี่ยง ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในทางที่ดีขึ้น นักเรียนกลุ่มดี มีจิตอาสา เป็นแกนนำ เป็นต้นแบบ ได้ศึกษาต่อ มีงานทำ ส่งผลให้สมาชิกและเครือข่าย เกิดความเข้มแข็ง มีความสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดี สืบทอดการดำเนินงานจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อสานต่อพระปณิธานองค์ประธานโครงการฯ ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ ที่จะเป็น “เยาวชนต้นแบบ เก่งและดี มีจิตอาสา” เพื่อร่วมพัฒนาสังคมและประเทศชาติ สืบไป
โพสเมื่อ : 08 ธ.ค. 2563,17:06   อ่าน 1078 ครั้ง